หลังจากที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ Tan chanchai "ระบุว่า “มันคืออะไร บอกที เหมือนของที่ตามหากัน ใครพอทราบรบกวนช่วยติดต่อกลับหน่อยครับ เหมือนในประเทศจีนที่มีราคาสูงมากครับ #ใครพอทราบหรือมีช่องทางแนะนำรบกวนติดต่อกลับด้วย " โดยได้ซื้อหมูตายน้ำหนัก 200 กิโลกรัม นำมาโม่เลี้ยงปลา ชิ้นส่วนอื่นๆแหลกละเอียดหมดเหลือตรงส่วนถุงน้ำดีที่ยังไม่บุบสลาย พบเป็นเศษขนหมูจับตัวเป็นก้อน ด้วยความสงสัยจึงค้นดูจากทางอินเทอร์เน็ต พบเป็นอ้วกหมูที่เป็นข่าวฮือฮาในประเทศจีน และยังมีมูลค่าถึง 19 ล้านบาท จนมีการแชร์และแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก
ต่อมาทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 10/1 ม.5 ต.นาเริก อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี และได้พบกับนายอนุชา อินทมาพลอย อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 และเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว โดยผู้ใหญ่บ้านพาไปดูก้อนไยไหมสีทอง จำนวน2 ก้อน สีเหลี่ยมขนาดยาว 16 เซนติเมตร กว้าง 12 เซนติเมตร น้ำหนัก 1 กิโลกรัม และอีกก้อนเป็นลูกกลมรี เหมือนไข่ห่าน ยาว 10 เซนติเมตร กว้าง 6 เซนติเมตร น้ำหนัก 300 กรัม พร้อมกับชูภาพข่าวต่างประเทศให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนเองได้ซื้อหมูตายเพื่อให้คนงานนำมาเลี้ยงปลาที่บ่อ ด้วยการใช้เครื่องยนต์บดละเอียดทุกส่วน แต่ยังคงเหลือส่วนที่เป็นถุงน้ำดีที่ยังคงไม่แหลก คนงานจึงนำมาให้ตนดู ปรากฏว่าเป็นก้อนๆ อยู่ 2 อัน จึงนำมาล้างน้ำปรากฏเป็นไยไหมสีทอง อมเขียว ญาติๆจึงทำการสืบค้นหาทางอินเตอร์เน็ต และไปเจอกับข่าวทางประเทศจีนก็เคยมีการพบเห็นจากสุกรนี้เช่นกัน มีมูลค่าซื้อขาย 19 ล้านบาท ส่วนตนเองนั้นก็ยังไม่มีความมั่นใจมากนักจะต้องรอผลพิสูจน์ยืนยันถึงประโยชน์ของมัน แต่ก็ยอมรับว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบเจอก้อนลักษณะแบบนี้มาก่อน

นายอนุชา อินทมาพลอย ผู้ใหย่บ้าน ยังเล่าต่ออีกว่า หลังจากลูกชายได้โพสต์เรื่องราวนี้ลงโซเซี่ยลต่างก็มีผู้คนสนใจ เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดให้ตนไปลงบันทึกประจำวันไว้ เบื้องต้นตนยังไม่ได้ดำเนินการตามที่ว่า แต่อยากได้รับคำตอบจากผู้รู้ หรือนักวิชาการออกมาอธิบายถึงสิ่งนี้ว่ามีที่มาที่ไป มีประโยชน์อย่างไรบ้างเท่านั้น ส่วนกรณีมีญาติๆเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าตนเองยิ่งกว่าถูกรางวัลที่หนึ่งนั้น แค่เป็นการพูดเล่นๆเท่านั้น ต้องรอความจริงก่อน